วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

เงินสี่ด้าน งานสี่ประเภทคืออะไร (สรุปเงินสี่ด้าน – จากหนังสือ พ่อรวย สอนลูก RichDad PoorDad)


         

            E S B I คุณเป็นคนประเภทไหน ?? 
          
E (Employee) - ลูกจ้าง
B (Business Owner) - เจ้าของธุรกิจ
- รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน
-
รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย
-
นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ
-
ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ ตอกบัตร
-
ตกงานเท่ากับล้มละลาย
- (
ตกงาน 3 เดือน ไม่ต่างจากคนล้มละลาย)
-
อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ
- มีทุน
-
หาคนเก่งๆ มาทำงานให้
-
ไม่ทำก็มีรายได้
B
มีหลายประเภท เช่น
-
บริษัท
-
แฟรนไซน์
-
การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่มีความเสี่ยงน้อย)
S (Self-employed) - ทำธุรกิจส่วนตัว
I (Investor) - นักลงทุน
- ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน
-
ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง
-
ขาดประสบการณ์
-
เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า
-
อาจจะทนทำ เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ
- ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน
- มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย
-
ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ

คนฝั่งซ้าย
คนฝั่งขวา
มี ความกลัว เป็นตัวขับเคลื่อน
(ไม่กล้าแม้แต่จะฝัน)
มี ความฝัน เป็นตัวขับเคลื่อน
(กล้าที่จะฝัน)
ยึดติดกับงานประจำ
พยายามสร้างงาน
รายได้จำกัด
รายได้ไม่จำกัด
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
มีเป้าหมายชัดเจน
มองเห็นอุปสรรค
มองเห็นโอกาส
ไม่เข้าใจคำว่า ทรัพย์สิน หนี้สิน
เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน - หนี้สิน
ทำงานเพื่อเงิน
ใช้เงินทำงาน
คิดถึงความเสี่ยง
คิดถึงความน่าเสี่ยง
ยึดติดกับสิ่งเก่า
เรียนรู้สิ่งใหม่
ไม่มีแผนงาน
มีแผนงานชัดเจน
ดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง
มีที่ปรึกษา
ชอบออกความเห็น
ชอบหาความจริง
ชอบมีเงินสดเยอะๆ
ชอบมี กระแสเงินสด สม่ำเสมอ
ชอบแสดงตัวว่าเก่ง
ชอบมองหาคนเก่ง
ชอบวิธีการ
ชอบวิธีคิด
ชอบการเฉลี่ย (ขจัดความเสี่ยง)
ชอบการจดจ่อ (Focus)
ถูกระบบความคุม
ความคุมระบบ
เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
เป็นเจ้าของระบบ
เรียนเพื่อประกาศนียบัตร
เรียนเพื่อหาความรู้
ทำงานเพื่อคนอื่น
สร้างงานเพื่อคนอื่น
อยากทำบุญแต่ไม่มีงบ
ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส

** ลองมาสำรวจตัวเองดูได้นะค่ะ ว่าเรากำลังอยู่ฝั่งไหน แล้วอนาคตเราควรจะดำเนินชีวิตไปทางไหนถึงจะดี บางครั้งสิ่งที่เราเป็นอยู่อาจมองดูว่าดีแล้วอยู่แล้ว แต่หากเราสามารถเปิดใจรับฟังอะไรใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตบ้าง มันอาจทำให้เรารู้ว่า สิ่งที่เราเป็นอาจดีอยู่แล้ว แต่อาจมีบางสิ่งที่ดีกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่



ลองเอาหนังสือพ่อรวยสอนลูกไปอ่านดูดีไหม? เผื่อจะได้แง่คิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ดังตัวอย่างบางตอนที่เอามาให้ท่านลองอ่านดู

พ่อจน
พ่อรวย
ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย
คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน
ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ
เรียนมากๆจะได้ทำงาน บริษัทที่มั่นคง
เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง
พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว
พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว
เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน
ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง
บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด ชำระหนี้เป็นอันดับแรก
บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย
ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน
ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน
สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ
สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน
ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่
คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก
เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เงิน คืออำนาจ
เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ
เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา
พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน
เงิน ทำงานให้พ่อ

คงต้องไตร่ตรองและใช้วิจารณญาณให้ดีว่า ตอนนี้ตัวเราเองมีฐานะที่ดีพร้อมหรือยัง

                                                            
ถ้ายัง ? มีงานอะไรที่สามารถทำให้เรามีฐานะที่ดีขึ้นได้หรือไม่? ถ้าท่านไม่ได้คิดถึงตัวเอง ก็ลองย้อนไปมองคนที่เรารัก ว่าเขามีความสุขดีพอแล้วหรือยัง ถ้าคำตอบคือยัง ท่านคงต้องลองเปิดใจมองหางานอะไรบางอย่างเพื่อพวกเขาแล้วละ

 

ขับเคลื่อนโดย Blogger.